เนื้อสเต็ก: ความรู้เบื้องต้นและการเลือก Steak Cuts ยอดนิยมที่คุณควรรู้

เนื้อสเต็ก ถือเป็นหนึ่งในเมนูอาหารที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ เนื้อสัมผัสที่หลากหลาย และการปรุงที่สามารถสะท้อนรสนิยมส่วนตัวของผู้รับประทานได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการย่างให้สุกระดับใด หรือการเลือกตัดเฉพาะส่วนของเนื้อวัว (Steak Cuts) ที่แตกต่างกัน การเข้าใจประเภทของเนื้อสเต็กจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบอาหาร
เนื้อสเต็กคืออะไร?
"เนื้อสเต็ก" หมายถึง ชิ้นส่วนของเนื้อวัวที่ถูกตัดออกมาเพื่อการย่างหรือทอด โดยทั่วไปจะเป็นเนื้อส่วนที่มีความนุ่ม และมีไขมันแทรกในระดับที่พอเหมาะ ทำให้เมื่อปรุงสุกแล้วเนื้อจะมีรสชาติเข้มข้นและมีความฉ่ำในตัว ปัจจัยที่ทำให้เนื้อสเต็กแตกต่างจากการปรุงเนื้อในรูปแบบอื่น ๆ คือการให้ความสำคัญกับ คุณภาพของเนื้อ และเทคนิคการปรุง ที่ช่วยดึงรสชาติออกมาได้อย่างสูงสุด
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เนื้อสเต็กอร่อย?

1. สายพันธุ์และคุณภาพของเนื้อวัว
พันธุ์วัวที่แตกต่างกัน เช่น Angus หรือ Wagyu มีลักษณะของเนื้อไม่เหมือนกัน ทั้งในด้านไขมันแทรก ความนุ่ม และรสชาติ เนื้อที่มาจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าธรรมชาติ หรือเลี้ยงแบบไม่เร่งโต มักมีคุณภาพสูงกว่า และส่งผลให้รสชาติของเนื้อสเต็กดีกว่าอย่างชัดเจน
2. การบ่มเนื้อ (Aging)
กระบวนการบ่มช่วยสลายเอนไซม์ตามธรรมชาติในเนื้อ ทำให้เนื้อนุ่มและมีรสชาติเข้มข้นขึ้น โดยการบ่มแบบแห้ง (Dry-aged) จะให้กลิ่นรสที่ซับซ้อนและเนื้อสัมผัสที่เด่นชัด ในขณะที่การบ่มแบบเปียก (Wet-aged) จะให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและคงความชุ่มฉ่ำ
3. ระดับความสุก (Doneness)
ความสุกของเนื้อมีผลต่อทั้งรสชาติและสัมผัส เช่น Rare จะได้ความนุ่มและฉ่ำมากที่สุด ขณะที่ Medium Rare เป็นระดับยอดนิยมที่ให้ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัสที่สมดุล ส่วน Well Done จะให้เนื้อที่แน่นกว่า แต่ต้องระวังไม่ให้แห้งจนเกินไป
4. การเลือก Steak Cut
แต่ละส่วนของเนื้อวัวมีคุณลักษณะของเนื้อที่แตกต่างกัน เช่น Ribeye ให้รสชาติหอมมันจากไขมันแทรก Tenderloin เนื้อนุ่มที่สุด Striploin ให้ความแน่นและรสชาติเข้มข้น การเลือก Cut ให้ตรงกับความชอบจึงเป็นกุญแจสำคัญของความอร่อย
5. เทคนิคการปรุง (Cooking Technique)
การเลือกวิธีการปรุงด้วยวิธีที่เหมาะกับประเภทของเนื้อ จะทำให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อที่แตกต่างกัน เช่น การย่างบนเตาถ่านจะให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนการใช้กระทะเหล็กจะให้ผิวกรอบและยืดอายุความร้อน การปรุงแบบ Sous-vide ยังเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยคงความสม่ำเสมอและความนุ่มของเนื้อได้ดี
6. การพักเนื้อ (Preparing & Resting)
การนำเนื้อออกมาพักก่อนปรุงประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้เนื้อสเต็กพร้อมสำหรับการปรุงสุกที่อุณหภูมิห้อง และเมื่อเนื้อถูกปรุงสุกแล้วหรือเพิ่งออกจากเตาให้ปล่อยพัก เพื่อให้น้ำในเนื้อที่เคลื่อนไหวจากความร้อนจะกระจายตัวกลับเข้าเนื้อ ทำให้เวลาหั่นแล้วไม่ไหลออกมา และคงความชุ่มฉ่ำไว้ภายในทุกคำที่รับประทาน
เปิดโลกสเต็ก! กับ 6 STEAK CUTS ยอดนิยมที่ควรลอง

เปิดโลกส่วนเนื้อที่นิยมนำมาทำสเต็กจะมีส่วนไหนบ้าง ตามไปดูกัน
1. Ribeye (ริบอาย)
เป็นส่วนเนื้อที่นิยมานำมาทำสเต็กมากที่สุด Ribeye มาจากส่วนซี่โครง มีจุดเด่น คือ มีไขมันแทรก (marbling) ที่กระจายทั่วชิ้นเนื้อ ทำให้เมื่อย่างแล้วให้รสชาติที่ชุ่มฉ่ำ นุ่มลิ้น และหอมมัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบเนื้อที่มีมันแทรกเยอะและรสชาติเข้มข้น จึงมักจะใช้แค่เกลือและพริกไทยในการปรุงแล้วนำไปย่าง เพื่อให้ด้านนอกกรอบ เนื้อด้านในนุ่ม
2. Sirloin (เนื้อสันนอก)
Sirloin มาจากเนื้อส่วนหลังของวัว อยู่ถัดจาก Ribeye เป็นเนื้อที่ได้รับความนิยมมาทำสเต็กในร้านอาหาร โดยจะเป็นเนื้อสเต็กที่มีความแน่น มีไขมันแทรกที่เนื้อไม่มาก มีความนุ่มในระดับปานกลางและมีรสชาติเนื้อที่เข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเนื้อที่เน้นรสชาติธรรมชาติแต่ไม่ต้องการไขมันมากเกินไป ชอบเนื้อสัมผัสที่ต้องเคี้ยว
3. T-Bone (ทีโบน) หรือ Porterhouse
เนื้อส่วนT-Bone เป็นเนื้อที่ประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ Tenderloin และ Striploin โดยมีลักษณะเป็นกระดูกรูปตัว T คั่นกลาง ได้ทั้งเนื้อสัมผัสที่นุ่มและหนึบในชิ้นเดียว โดยเนื้อส่วน Porterhouse จะมีเนื้อสันใน (Tenderloin) มากกว่า T-Bone เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มรสทั้งสองรสสัมผัสในชิ้นเดียว
4. Filet Mignon หรือ Tenderloin (เนื้อสันใน)
เนื้อสันในเป็นเนื้อส่วนที่นุ่มที่สุดของวัว เพราะเป็นกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน จึงให้เนื้อสัมผัสที่เนียนละเอียด มักถูกตัดชิ้นหนาและเสิร์ฟในระดับความสุกที่ไม่เกิน Medium Rare เพื่อคงความนุ่มไว้สูงสุด เหมาะสำหรับคนที่ชอบความนุ่มละลายในปาก
5. Flank Steak (เนื้อส่วนพื้นท้อง)
Flank Steak มาจากส่วนล่างของท้องวัว หรือเรียกในไทยว่า “เนื้อข้างท้อง” มีเนื้อที่ค่อนข้างแน่น หนึบ และไขมันน้อย จึงเหมาะกับการย่างแบบเร็วด้วยไฟแรงหรือหมักก่อนนำมาย่าง นิยมหั่นขวางเส้นใยเพื่อให้เคี้ยวง่ายและนุ่มขึ้น นิยมเสิร์ฟกับซอสหรือมีท็อปปิ้งเพิ่มเติม เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเนื้อที่มีรสชาติเข้มข้น มีความหนึบ
6. Picanha (เนื้อส่วนสะโพกส่วนบน)
Picanha เป็นเนื้อยอดนิยมของบราซิล มาจากส่วนสะโพกด้านบน มีลักษณะเฉพาะ คือ มีไขมันติดด้านบนเป็นแผ่นหนา ซึ่งเมื่อย่างแล้วจะให้ความหอมและรสชาติเข้มข้นอย่างมาก เนื้อส่วนนี้มีความนุ่ม เหมาะสำหรับการย่างเสียบไม้ หรือหั่นเป็นชิ้นหนาย่างบนเตาถ่านแบบชาวบราซิล
4 ข้อควรหลีกเลี่ยงเมื่อทำเนื้อสเต็ก

แม้จะใช้เนื้อคุณภาพดี แต่หากปรุงผิดวิธีก็อาจทำให้สเต็กออกมาไม่น่าประทานได้ ข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม เช่น
1. ไม่ปล่อยให้เนื้ออยู่ในอุณหภูมิห้องก่อนปรุง
การนำเนื้อออกจากตู้เย็นแล้วย่างทันที จะทำให้เนื้อสุกไม่สม่ำเสมอภายในชิ้น ควรพักเนื้อที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30-60 นาที ก่อนเริ่มปรุง เพื่อให้ความร้อนกระจายได้ดี และเนื้อไม่แข็งเกินไป
2. ไม่ปรุงรสเนื้อสเต็กก่อน
การปรุงรสเนื้อเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสันในที่มีความนุ่ม หรือริบอายที่มีไขมันแทรกและรสชาติเข้มข้น หากละเลยการโรยเกลือลงบนเนื้อก่อนปรุง จะถือเป็นการลดทอนทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัสของเนื้อนั้นไปอย่างน่าเสียดาย
3. ใช้ความร้อนในการปรุงที่ต่ำเกินไป
สิ่งหนึ่งที่หลายคนมองหาเหมือนกัน คือ การได้เนื้อที่มีผิวด้านนอกเกรียมสวยและมีชั้นของเนื้อกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากใช้ไฟที่อ่อนเกินไป หากใช้ไฟที่อ่อนเกินไป หรือกระทะยังไม่ร้อนเพียงพอก่อนนำเนื้อลงย่าง
4. พลิกเนื้อบ่อยเกินไป
การพลิกเนื้อสเต็กบ่อย ๆ จะรบกวนกระบวนการสร้างผิวเกรียม (Maillard Reaction) และทำให้เนื้อไม่สุกสม่ำเสมอ ควรย่างด้านละ 1 ครั้งจนได้สีสวยก่อนพลิกอีกด้าน
การทำเนื้อสเต็กให้อร่อยไม่ใช่แค่เรื่องการย่าง แต่เริ่มต้นตั้งแต่การเลือก ส่วนของเนื้อ (Steak Cuts) ที่ตรงกับความชอบ เข้าใจปัจจัยสำคัญในการทำเนื้อสเต็ก เช่น คุณภาพเนื้อ เทคนิคการปรุง และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเล็ก ๆ ที่ส่งผลต่อรสชาติ ไม่ว่าจะเป็น Ribeye, Tenderloin, Striploin หรือแม้แต่ Flank และ Picanha แต่ละส่วนล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะ การเลือกและปรุงอย่างเข้าใจ จะช่วยให้คุณได้สัมผัสรสชาติของสเต็กในแบบที่ดีที่สุด หากคุณกำลังมองหา เนื้อสเต็กนำเข้าคุณภาพดี สำหรับทำกินเองหรือใช้ในร้านอาหาร ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- รู้จัก “ชิ้นส่วนเนื้อวัว” แต่ละประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะกับเมนูของคุณ
- ทำไม “เนื้อวัวออสเตรเลีย” ถึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของสายเนื้อทั่วโลก?
- ถอดรหัสสำหรับสายเนื้อ กับ “เนื้อวากิว (Wagyu)” คืออะไร มีกี่สายพันธุ์และมีกี่เกรด ?
อ้างอิง