King Crab ราชาแห่งท้องทะเลอลาสก้า: ความพรีเมียมที่นักชิมตัวจริงไม่ควรพลาด
เมื่อพูดถึงอาหารทะเลระดับพรีเมียม หนึ่งในชื่อที่หลายคนต้องนึกถึงคือ “King Crab” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Alaska King Crab” ปูขนาดยักษ์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งปูทะเล” ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารทะเลที่หรูหราและมีราคาสูงที่สุดในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Alaska King Crab ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของขนาดที่ใหญ่ เนื้อสัมผัสที่แน่น หวานฉ่ำ และคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่น บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับราชาแห่งท้องทะเลน้ำลึกชนิดนี้อย่างละเอียด เพื่อไขความลับว่าทำไม King Crab จากอลาสก้าจึงเป็นที่ปรารถนาของนักชิมทั่วโลก
King Crab คืออะไร และทำไมถึงได้ชื่อว่า “ราชาแห่งปู”
King Crab เป็นสายพันธุ์ปูน้ำลึกที่อาศัยอยู่ในเขตน้ำเย็นจัดของมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ โดยเฉพาะบริเวณทะเลแบริง (Bering Sea) และอ่าวอะแลสกา (Gulf of Alaska) ประเทศสหรัฐอเมริกา พื้นที่ดังกล่าวมีอุณหภูมิต่ำและกระแสน้ำสะอาดบริสุทธิ์ ทำให้ King Crab เติบโตได้อย่างช้าแต่แข็งแรง มีเนื้อแน่นและรสชาติหวานเป็นเอกลักษณ์
ชื่อ “King Crab” มาจากลักษณะของมันที่มีขนาดใหญ่และสง่างามกว่าปูชนิดอื่น ตัวเต็มวัยสามารถกางขาได้กว้างกว่า 1.5 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 6 กิโลกรัม เรียกได้ว่าเป็น “ราชาแห่งปู” อย่างแท้จริง
เหตุผลที่ King Crab จาก Alaska ได้รับความนิยมทั่วโลก

เหตุผลที่ King Crab จากอลาสก้า / Alaska King Crab มีความพิเศษ คือ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่บริสุทธิ์และน้ำทะเลที่เย็นยะเยือกลึกถึง 1,500 เมตรตลอดทั้งปี ภายใต้ระบบการจัดการประมงที่ยั่งยืน (Sustainable Fishery Management) โดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งควบคุมปริมาณการจับอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาระบบนิเวศทางทะเลและคุณภาพของปูแต่ละตัวให้สมบูรณ์ที่สุด ทำให้ปูเติบโตอย่างช้า ๆ มีการสะสมของเนื้อในส่วนขาที่หนาแน่น และมีรสชาติที่หวานตามธรรมชาติ เนื้อปูจึงมีคุณภาพสูง สด สะอาด และปลอดภัยจากการปนเปื้อน
สายพันธุ์ของ King Crab ที่ได้รับความนิยม
ในบรรดา King Crab ที่พบในท้องทะเล จะมีอยู่ 3 สายพันธุ์หลักที่นิยมบริโภคมากที่สุด ได้แก่
1. Red King Crab (ราชาปูแดง)
เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยสีเปลือกแดงสด ปูชนิดนี้จะสามารถเติบโตจนมีขนาดตัวที่ใหญ่ สามารถมีน้ำหนักตัวได้สูงสุดถึง 10 กิโลกรัม และมีส่วนของขาที่สามารถยาวได้ถึง 5 ฟุต เพศผู้จะสามารถเติบโตได้ดีกว่าเพศเมีย เนื้อของปูชนิดนี้จะมีความหวานละมุน เนื้อขาวแน่น นิยมใช้ในเมนูระดับพรีเมียม เช่น ปูนึ่ง ปูอบชีส หรือเสิร์ฟแบบเย็นคู่กับเนยละลาย
.jpg?1762340585645)
2. Blue King Crab (ราชาปูน้ำเงิน)
ปูที่มีเปลือกมีสีออกน้ำเงินเข้มปนน้ำตาลหรือม่วงอ่อน เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงส้ม มีขนาดเล็กกว่า Red King Crab เล็กน้อย ส่วนเนื้อรสชาติจะมีความหวานมากกว่าเนื้อปูราชาสีแดง แต่รสเข้มจะอ่อนลงมาเล็กน้อย เหมาะกับการนำไปทำซุปหรือเมนูผัดในสไตล์เอเชีย
.jpg?1762340610039)
3. Golden King Crab (ราชาปูทอง)
เป็นปูที่สามารถพบได้ในน้ำลึกมากกว่า 300 เมตร ในน่านน้ำรอบหมู่เกาะอะลูเชียน เป็นปูที่มีขนาดเล็กที่สุดใน 3 สายพันธุ์หลัก กระดองมีสีส้มทอง จึงถูกขนานนามว่า “ทองคำแห่งท้องทะเล” รสชาติมีความนุ่มนวลที่สุด แต่มีเนื้อที่แทรกภายในกระดองน้อยที่สุด
.jpg?1762340633841)
ลักษณะของเนื้อและรสชาติ

สิ่งที่ทำให้ King Crab แตกต่างจากปูชนิดอื่นคือ “เนื้อที่แน่นและหวานอย่างเป็นธรรมชาติ” โดยเฉพาะบริเวณขา ซึ่งถือเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดและผู้คนชื่นชอบมากที่สุด เนื้อปูมีความหวาน ชุ่มฉ่ำและเด้ง ไม่ยุ่ย เมื่อผ่านการปรุงด้วยความร้อนที่เหมาะสม จะได้รสชาติหวานกลมกล่อมโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรุงมากมาย
นอกจากนี้ เปลือกของ King Crab ยังมีลักษณะเป็นหนามแข็งและแหลม เพื่อป้องกันศัตรูในธรรมชาติ แต่ภายในกลับซ่อนเนื้อที่ละเอียดอ่อนและเต็มไปด้วยรสชาติของทะเลลึกอย่างแท้จริง
คุณค่าทางโภชนาการของ King Crab
นอกจากรสชาติที่ยอดเยี่ยมแล้ว King Crab ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น
- โปรตีนคุณภาพสูง เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ช่วยเสริมสร้างและช่วยซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ
- มีปริมาณวิตามิน B12 สูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันโรคโลหิตจางและการทำงานของระบบประสาท
- ไขมันต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมอาหาร
- อุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น สังกะสี ซีลีเนียม และฟอสฟอรัส
- มีโอเมก้า 3 ช่วยในการบำรุงสุขภาพหัวใจและสมอง
ด้วยเหตุนี้ King Crab จึงไม่เพียงแต่เป็นอาหารรสเลิศ แต่ยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น
วิธีการปรุง King Crab ให้อร่อยระดับภัตตาคาร

แม้ King Crab จะมีรสชาติดีโดยธรรมชาติ แต่การปรุงที่ถูกวิธีก็ช่วยดึงรสออกมาได้มากยิ่งขึ้น เช่น
- นึ่งหรืออบแบบเรียบง่าย เพื่อรักษารสหวานของเนื้อปู
- ย่างบนเตาถ่าน เพิ่มกลิ่นหอมและความกลมกล่อม
- เสิร์ฟกับเนยละลายหรือซอสเลมอนบัตเตอร์ เพื่อเพิ่มความหอมมันในสไตล์ตะวันตก
- ทำซุปครีมหรือพาสต้า สำหรับผู้ที่ชอบรสชาติละเมียดละไม
King Crab ถือเป็นวัตถุดิบที่ง่ายต่อการนำมาปรุงอาหาร เพราะด้วยรสชาติที่หวานตามธรรมชาติของเนื้อปูอยู่แล้ว การปรุงเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอต่อการดึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา ไม่ว่าจะเป็นการนึ่ง ต้ม หรือย่างง่าย ๆ เนื้อปูก็จะกลายเป็นสีขาวนวล น่ารับประทาน ให้รสชาติที่หวานละมุนลิ้น และสัมผัสที่แน่นเด้งเต็มคำ เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารทะเลอย่างแท้จริง
หากท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหลในความอร่อยของปูและอาหารทะเลชั้นเลิศ และต้องการลิ้มลองรสชาติของ King Crab อลาสก้าแท้ ๆ ที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพอย่างดีที่สุด ท่านสามารถดูรายละเอียดสินค้า King Crab คุณภาพเยี่ยมได้ที่ Siam Food Services
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- ส่องความต่างของเนื้อปูกระป๋อง เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเมนูของคุณ
- กุ้งลายเสือ ราชาแห่งกุ้งทะเลที่คุณไม่ควรพลาด
- หอยเชลล์ฮอกไกโด Hokkaido Scallop: สุดยอดวัตถุดิบระดับพรีเมียมจากทะเลญี่ปุ่น
อ้างอิง
