บลูชีส (Blue Cheese) คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยมถึงแม้จะมีกลิ่นแรง

เมื่อพูดถึงชีสหลากหลายชนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว “บลูชีส (Blue Cheese)” มักถูกกล่าวถึงอยู่เสมอด้วยรสชาติและกลิ่นที่โดดเด่นแตกต่างจากชีสทั่วไป บางคนอาจรู้สึกว่ามีกลิ่นแรงจนไม่กล้าลองชิมและด้วยรูปลักษณ์ที่มีลายเส้นสีน้ำเงินอมเขียวตัดกับเนื้อชีสสีขาว แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบแล้ว บลูชีสถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ให้รสชาติซับซ้อนและหรูหราที่สุดในโลกชีส
บลูชีส (Blue Cheese) คืออะไร?
บลูชีสเป็นชีสที่มีเส้นสายหรือจุดสีน้ำเงิน–เขียวกระจายอยู่ทั่วเนื้อชีส ซึ่งเกิดจากการใส่เชื้อราที่ชื่อว่า Penicillium ลงไปในกระบวนการผลิต ทำให้ชีสเกิดรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร บลูชีสมีหลากหลายชนิด เช่น โรเคฟอร์ (Roquefort) จากฝรั่งเศส, กอร์กอนโซลา (Gorgonzola) จากอิตาลี และสติลตัน (Stilton) จากอังกฤษ เป็นต้น แต่ละชนิดก็จะมีความเข้มข้น เนื้อสัมผัส และกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเก็บและกรรมวิธีการผลิตของแต่ละท้องถิ่น
บลูชีสเกิดจากการใส่เชื้อรา ปลอดภัยสามารถบริโภคได้หรือไม่?
แม้ว่าบลูชีสจะผลิตจากเชื้อรา แต่ถือว่าปลอดภัยต่อการบริโภค หากผ่านกระบวนการผลิตและการเก็บรักษาที่ถูกต้อง เชื้อราที่ใช้ในบลูชีสแตกต่างจากเชื้อราที่ทำให้อาหารอื่น ๆ เน่าเสีย โดย Penicillium Roquefort ซึ่งเป็นเชื้อราหลักในบลูชีส มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังช่วยสร้างรสชาติและเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของชีสชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือมีโรคประจำตัวบางอย่าง ควรบริโภคบลูชีสด้วยความระมัดระวัง และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนหากมีข้อกังวลเกี่ยวกับการรับประทานชีสที่ผลิตจากเชื้อรา
ทำไมบลูชีสมีกลิ่นแรง แต่ยังเป็นที่นิยม

หนึ่งในสิ่งที่หลายคนสงสัยคือ เหตุใดบลูชีสจึงมีกลิ่นแรง บางครั้งถึงขั้นถูกเรียกได้ว่า “กลิ่นไม่หอม กลิ่นไม่พึงประสงค์” สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคย ความจริงแล้วกลิ่นนี้เกิดจากการหมักและการย่อยสลายของไขมันภายในชีสโดยเชื้อรา ทำให้เกิดสารประกอบที่มีความหอมเฉพาะตัว ซึ่งกลายเป็นเสน่ห์ของชีสชนิดนี้
นักชิมและคนรักชีสกลับมองว่ากลิ่นและรสชาติอันเข้มข้น คือ ความพิเศษที่ทำให้บลูชีสแตกต่างจากชีสอื่น ๆ รสชาติที่มีตั้งแต่ครีมมี่ เค็ม มัน ไปจนถึงรสเปรี้ยวเล็กน้อย รสชาติที่มีความโดดเด่น สดชื่น จึงกลายเป็นจุดเด่นในเมนูอาหารหรือการจับคู่ทานกับอาหารทุกชนิด เหมาะกับผู้ที่ชอบรสชาติที่มีความเป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่เข้ากับเมนูอื่น ๆ ได้ลงตัว
จับคู่ความอร่อย: บลูชีสนิยมทานกับอะไร

แม้บลูชีสจะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ก็สามารถจับคู่กับอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างลงตัว ช่วยเสริมรสชาติและตัดความเค็มหรือความฉุนลง การจับคู่ที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
- ผลไม้: ผลไม้รสหวานอย่างลูกแพร์, แอปเปิล, องุ่น หรือผลไม้แห้งอย่างมะเดื่อและแครนเบอร์รี่ จะช่วยตัดรสเค็มและเพิ่มความสดชื่นได้ดี
- ถั่วและขนมปังกรอบ: วอลนัท, อัลมอนด์ หรือขนมปังกรอบ (Crackers) เป็นตัวช่วยเพิ่มรสสัมผัสและทำให้การทานชีสเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
- น้ำผึ้งหรือแยม: การราดน้ำผึ้งลงบนบลูชีส หรือทานคู่กับแยมผลไม้จะช่วยสร้างสมดุลของรสชาติเค็มและหวานได้อย่างลงตัว
- ไวน์และแอลกอฮอล์: การจับคู่กับไวน์ คือ ศิลปะอย่างหนึ่ง โดยบลูชีสเข้ากันได้ดีกับไวน์หวาน เช่น Port Wine หรือ Sauternes ซึ่งความหวานของไวน์จะช่วยลดความเค็มและเสริมรสชาติชีสให้โดดเด่นขึ้น
- สลัดและผักสด: นำบลูชีสไปโรยในสลัด ช่วยเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมและหรูหรา
- สเต๊กและเนื้อย่าง: ซอสบลูชีสเป็นที่นิยมในเมนูสเต๊ก เนื้อวัวคุณภาพเมื่อจับคู่กับความเข้มข้นของชีสจะยิ่งทำให้รสชาติสมบูรณ์
ประโยชน์ของบลูชีส

นอกจากรสชาติแล้ว บลูชีสยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่น่าสนใจ ซึ่งหากทานในปริมาณที่เหมาะสมก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน เมื่อบริโภคอย่างพอดีบลูชีสถือว่าเป็นอาหารที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ โดยประโยชน์ของบลูชีสมีดังนี้
- อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันภาวะกระดูกพรุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงกระดูกทุกวัย
- แหล่งโปรตีนคุณภาพ โปรตีนในบลูชีสช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือผู้สูงอายุ
- มีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามิน A, วิตามิน B12, ฟอสฟอรัส และสังกะสี ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและภูมิคุ้มกัน
- สารต้านอนุมูลอิสระ กระบวนการหมักทำให้บลูชีสมีสารประกอบที่ช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสื่อม
- มีโปรไบโอติกตามธรรมชาติ จุลินทรีย์ที่อยู่ในบลูชีสช่วยเสริมสมดุลของระบบทางเดินอาหาร คล้ายกับโยเกิร์ตหรือชีสหมักบางชนิด
แม้บลูชีสจะมีโซเดียมและไขมันในปริมาณค่อนข้างสูง แต่หากรับประทานอย่างพอดี ก็ถือว่าเป็นวัตถุดิบที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
บลูชีสอาจเป็นชีสที่ท้าทายสำหรับผู้เริ่มต้น แต่เมื่อได้เปิดใจให้กับรสชาติที่ซับซ้อนของมันแล้ว คุณจะค้นพบว่า บลูชีส คืออีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของโลกแห่งชีสที่คุ้มค่าแก่การลิ้มลองอย่างแท้จริง ด้วยรสชาติและกลิ่นที่จัดจ้านทำให้บลูชีสถูกยกย่องว่าเป็น “ชีสแห่งความหรูหรา” ที่มักปรากฏบนโต๊ะอาหารของร้าน Fine Dining หรือในเมนูพิเศษของเชฟชั้นนำ
หากคุณกำลังมองหา บลูชีสคุณภาพ เพื่อนำไปประกอบเมนูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสิร์ฟในงานเลี้ยงหรูหรา หรือใช้ทำเมนูอาหารพิเศษในร้าน สามารถดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อบลูชีสนำเข้าได้ที่ Siam Food Services เพื่อสัมผัสรสชาติแท้จริงของชีสชั้นเยี่ยมจากแหล่งผลิตระดับโลก
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- Colby Jack Cheese: ความอร่อยที่ผสมชีสสองรสชาติในหนึ่งเดียว
- พารู้จัก “วิธีทำชีส” ทำอย่างไร มีชีสอะไรบ้าง?
- ผลิตภัณฑ์นม จากน้ำนมสู่ชีสที่ทุกคนชื่นชอบ
อ้างอิง